วิธีเลือกยางรถบรรทุกให้เหมาะสม
วิธีเลือกยางรถบรรทุก
เลือกอย่างไรให้เหมาะกับการใช้งาน
สำหรับผู้ที่ขับขี่รถบรรทุก
หรือผู้ประกอบการธุรกิจที่มีการใช้รถบรรทุกเป็นหลักนั้น อาจจะรู้กันดีว่า
การใช้งานของรถบรรทุกค่อนข้างหนักหน่วงมากเลยทีเดียว ทั้งต้องขนสินค้าหนัก
รถต้องผ่านสภาพถนนหลากหลายแบบ ทำให้ยางรถบรรทุกนั้นสึกหรอไว้
และจำเป็นต้องเปลี่ยนบ่อย แต่การจะเปลี่ยนยางรถบรรทุกในแต่ละครั้งนั้น
มีข้อควรคำนึงหลายอย่างมาก
ก่อนจะไปถึงวิธีเลือกยางรถบรรทุกนั้น
ผู้ซื้อควรคำนึงถึงปัจจัยในการใช้งานและคุณภาพของยางในภาพกว้างๆ ก่อน เช่น
ยางที่จะซื้อนั้น ควรใช้ได้เหมาะสมกับสภาพถนนทุกรูปแบบ
มีอัตราการรับน้ำหนักที่เหมาะสม มีความทนทานที่ดี สามารถยึดเกาะถนนได้ในทุกสภาพผิว
มีน้ำหนักที่เหมาะสม ดอกยางเหมาะสมกับรูปแบบการใช้งานของรถ
ซึ่งเป็นสิ่งที่เราจะนำไปเป็นหัวข้อในการพิจารณาเลือกยางในส่วนต่อไป
วิธีเลือกยางรถบรรทุก 1 : เลือกดอกยางที่เข้ากับการใช้งาน
ในการขับขี่รถบรรทุกนั้น
ดอกยางถือว่ามีความสำคัญ ที่ส่งผลต่อการยึดเกาะถนนของรถด้วย
โดยดอกยางที่เหมาะกับการใช้งานของรถบรรทุกนั้น มีอยู่ประมาณ 4 รูปแบบ คือ
- ดอกยางแบบละเอียด
ยางประเภทนี้จะมีดอกยางที่เป็นแนวยาวตามวงรอบของยาง มีร่องดอกยางที่ตื้น
ทำให้สามารถเกาะพื้นผิวของถนนเรียบได้ดี เหมาะกับการนำไปใช้กับรถบรรทุกโดยสาร
- ดอกยางแบบบั้ง
ยางประเภทนี้จะมีดอกยางเป็นรอยบั้งลึกตามแนวขวางของยาง
สามารถตะกุยถนนได้เป็นอย่างดี
และเพิ่มแรกออกตัวเมื่อขับขี่บนถนนที่มีความขรุขระหรือทางชันได้เป็นอย่างดี
นอกจากนั้นยังมีอายุการใช้งานยาวนานกว่ายางประเภทอื่น
เนื่องจากมีดอกยางที่ลึก เหมาะกับล้อหลังของรถบรรทุกขนาดใหญ่ หรือรถจิ๊ป
- ดอกยางแบบผสม
ยางประเภทนี้เป็นการผสานข้อดีระหว่างดอกยางแบบละเอียดและแบบบั้งเข้าไว้ด้วยกันในเส้นเดียว
โดยส่วนตรงกลางของหน้ายางนั้นจะเป็นดอกยางแบบละเอียด และส่วนขอบจะเป็นดอกยางแบบบั้ง
ทำให้เป็นยางที่เหมาะสมกับการใช้งานในเกือบทุกสถานการณ์
แต่คุณสมบัติการตะกุยอาจจะยังไม่เทียบเท่ากับแบบบล็อก ยางที่มีดอกประเภทนี้
เหมาะกับรถบรรทุก
- ดอกยางแบบบล็อก
จะมีลักษณะของดอกยางที่เป็นแบบเหลี่ยมหรือกลม
ยางประเภทนี้จะสามารถลุยได้มากกว่ายางประเภทอื่นๆ
มีความสามารถในการตะกุยที่มากที่สุด เหมาะกับการใช้งานในแบบออฟโรด
หรือเส้นทางที่พื้นถนนขรุขระมากเป็นพิเศษ
วิธีเลือกยางรถบรรทุก 2 : เช็กสเปกของยางให้เหมาะกับรถ
สำหรับการเช็กสเปกของยางให้เหมาะกับการใช้งานของรถบรรทุกนั้น เราสามารถเช็กได้ด้วยการดูตัวเลขที่ “แก้มยาง” ซึ่งจะบ่งบอกคุณสมบัติของยางเส้นนี้ทั้งหมด เช่น 285/45R19 111V 16PR โดยตัวเลขแต่ละส่วน
- 285 เป็นตัวเลขที่บอกถึง ความกว้างของหน้ายาง โดยใช้หน่วยเป็นมิลลิเมตร
- 45 เป็นตัวเลขที่บอกถึง ความสูงของแก้มยาง โดยจะเป็นหน่วย % เทียบจากความกว้าง
- R เป็นตัวหนังสือที่บ่งบอกถึง ประเภทของยาง ในที่นี้ R หมายถึงยางเรเดียลนั่นเอง
- 19 เป็นตัวเลขที่บ่งบอกถึง เส้นผ่าศูนย์กลางของวงล้อ โดยจะเป็นหน่วยนิ้ว
- 111 เป็นตัวเลขที่บ่งบอกถึง ดัชนีการรับน้ำหนัก ซึ่งเมื่อนำไปเทียบแล้ว ยางเส้นนี้รับน้ำหนักได้ที่
1090 กิโลกรัม
- V เป็นตัวอักษรที่บ่งบอกถึง ดัชนีความเร็ว ซึ่งเมื่อนำไปเทียบแล้ว
ยางเส้นนี้รับความเร็วได้สูงสุด 240 กิโลเมตร/ชั่วโมง
- 16PR เป็นตัวเลขและอักษรที่บ่งบอกถึง อัตราการเทียบเท่าผ้าใบ ในที่นี้เทียบเท่าผ้าใบ 16 ชั้น
วิธีเลือกยางรถบรรทุก 3 : เช็กสเปกของยางเพิ่มเติมที่สติกเกอร์หน้ายาง
ในการเช็กสเปกของยางนั้น
นอกจากจะเช็กได้จากตัวเลขที่อยู่บริเวณแก้มยางแล้ว
ยังสามารถเช็กได้จากสติกเกอร์ที่ผู้ผลิตแปะมาบริเวณหน้ายางอีกด้วย
และแต่ละอย่างจะบ่งบอกอะไรบ้าง
- เกรดการประหยัดน้ำมัน จะมีสัญลักษณ์ยางและน้ำมันคู่กัน
และแบ่งเป็นเกรดตั้งแต่ A ถึง G โดย A จะหมายถึงยางประหยัดน้ำมันได้มากที่สุด
และ G จะหมายถึงประหยัดน้อยที่สุดนั่นเอง
โดยยางส่วนมากมักจะอยู่ในเกรดกลางๆ คือ E
- ระยะเบรกเมื่อถนนเปียก จะมีสัญลักษณ์ยางพร้อมก้อนเมฆฝนอยู่ และแบ่งเป็นเกรด
A-F โดย A จะหมายถึงยางมีระยะเบรกสั้นที่สุด
และ F คือมากกว่า โดยระยะห่างระหว่างเกรด A กับ F เมื่อเบรกนั้น จะอยู่ที่ 18 เมตร
- เสียงเมื่อขับขี่ จะเป็นสัญลักษณ์รูปยางและลำโพงพร้อมขีด
พร้อมหน่วยเสียงเดซิเบล (dB) โดยค่ามาตรฐานของเสียงคืออยู่ที่
2 ขีดลำโพง ถ้ามีเพียง 1 ขีด หมายถึง ระดับเสียงเบากว่ามาตรฐาน และ 3 ขีด หมายถึง ระดับเสียงดังกว่ามาตรฐาน
วิธีเลือกยางรถบรรทุก 4 : เปรียบเทียบยางกันยี่ห้ออื่นที่สเปกเดียวกัน
วิธีนี้เรียกได้ว่าเป็นวิธีสามัญในการซื้อของแทบจะทุกอย่างบนโลกเลยก็ว่าได้
เราควรเปรียบเทียบยางรถบรรทุกที่สเปกและรูปแบบการใช้งานมีความเหมือนหรือคล้ายกันหลายๆ
อัน เปรียบเทียบกันในหลายๆ ด้าน เช่น ราคา ความคุ้มค่า ความทนทาน ชื่อเสียงแบรนด์
ฟีดแบคจากผู้ใช้งาน และเลือกยางบรรทุกที่เรามองว่าเหมาะสมกับเรามากที่สุด
เพราะแต่ละท่านก็มีการใช้งานที่ไม่เหมือนกัน ดังนั้น เลือกสิ่งที่เหมาะในหลายๆ
ด้าน
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ต้องเลือกยางที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน หรือได้รับอนุญาตในการผลิตจากสมอ. เพื่อความปลอดภัยในการใช้รถ และหลีกเลี่ยงอันตรายที่อาจได้รับ
ขอบคุณข้อมูลจาก https://www.bigthailand.com